คำแนะนำในการเลือกเครื่องฟอกอากาศทางการแพทย์

คำแนะนำในการเลือกเครื่องฟอกอากาศ

(Air Purification)

1.             ระบบการทำงานของเครื่อง

เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมี 2 ระบบในเครื่องเดียวกัน คือ มีความสามารถในการกรองฝุ่นละอองที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ และขจัดอนุภาคขนาดเล็ก เช่น เชื้อโรคต่างๆได้ และมีความสามารถในการดูดซับและทำลายกลิ่นด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ผู้ผลิตเครื่องฟอกอากาศจึงผลิตเครื่องฟอกอากาศหลายประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งทำให้แบ่งประเภทเครื่องฟอกอากาศได้ ดังนี้

1.1         เครื่องฟอกอากาศแบบใช้แผ่นกรองคาร์บอน (Carbon Air Purifiers)

       เครื่องฟอกอากาศชนิดนี้ใช้คาร์บอนเป็นสารที่ทำปฏิกิริยาดูดกลิ่นสกปรก และกลิ่นอับชื้นในอากาศ โดยใช้ไส้กรองที่มีส่วนผสมของคาร์บอนเป็นตัวดักจับกลิ่นจากอากาศที่ถูกเป่า หรือดูดหมุนเวียนผ่านไส้กรองซึ่งต้องเปลี่ยนไส้กรองตามอายุการใช้งาน

1.2         เครื่องฟอกอากาศแบบใช้ประจุไฟฟ้า (Ionic Air Purifiers)

เครื่องฟอกอากาศชนิดนี้สามารถสร้างประจุลบ กำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งนอกจากสามารถดักจับฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศแล้วยังสามารถกรองฝุ่น, ละอองเกสรดอกไม้, ควันบุหรี่, ขนสัตว์เลี้ยง รวมทั้งกลิ่นของสารระเหยและกลิ่นของน้ำยาหรือสารเคมีต่างๆ ที่ใช้ในครัวเรือน รวมทั้งทำลายโครงสร้างของแบคทีเรียและไวรัสได้หลายชนิด จากคุณสมบัติดังที่กล่าวมาจึงทำให้เครื่องฟอกอากาศชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

1.3         เครื่องฟอกอากาศแบบประสิทธิภาพในการกรองสูง (High Efficiency Particle Arresting)

ใช้ไส้กรองอากาศแบบ High Efficiency Particle Arresting : HEPA เป็นเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงโดยกรองอากาศให้บริสุทธิ์ได้ 99.97% เพราะใช้ไส้กรองแบบเดียวกับที่ใช้ในห้อง Clean Room ในโรงพยาบาล, ห้องผ่าตัด, ห้องทดลอง, อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ และในอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์บางประเภทที่ต้องการอากาศที่มีฝุ่นควันน้อยที่สุด ไส้กรองอากาศผลิตจากใยแก้วมีความละเอียดสูง มีอายุการใช้งานแผ่นกรองอากาศประมาณ 2 ปี ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพในการกรองสูงแต่ไม่สามารถดูดซับกลิ่นและควันได้

1.4         เครื่องฟอกอากาศแบบผสม

เป็นเครื่องฟอกอากาศแบบที่รวมข้อดีของเครื่องฟอกอากาศชนิดต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทำให้เครื่องฟอกอากาศแบบนี้สามารถกำจัดกลิ่นควันและฝุ่นละอองได้ในเครื่องเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นแบบผสมระหว่างไส้กรอง HEPA/Ionic และแบบผสมระหว่างไส้กรอง HEPA ไส้กรองคาร์บอน รวมทั้งแบบผสมชนิดอื่นๆ ที่มีระบบ Ionic ร่วมอยู่ด้วยเป็นส่วนใหญ่

2.             ลักษณะแผ่นกรองอากาศ

แผ่นกรองอากาศที่นำมาใช้ในเครื่องฟอกอากาศมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีความสามารถในการกรองต่างกัน

2.1         Pre-Filter

                   เป็นแผ่นกรองอากาศแบบหยาบ ทำหน้าที่กรองอนุภาคขนาดใหญ่ เช่น เศษผง เส้นผม หรือเชื้อโรคต่างๆ เช่น เชื้อรา และแบคทีเรีย ที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน

2.2         Activated  Carbon  Filter

                   ทำหน้าที่กรองกำจัดกลิ่น เช่น กลิ่นเหม็นอับ, กลิ่นที่มาจากอาหาร, กลิ่นเหม็นจากสัตว์เลี้ยง หรือกลิ่นจากสารเคมีต่างๆ

2.3         Hospital grade HEPA Filter

                   เป็นแผ่นกรองอากาศแบบละเอียด มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคในอากาศที่มีอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่นละอองขนาดเล็ก, ไรฝุ่น, ละอองเกสร หรือเชื้อโรคต่างๆ เช่น เชื้อรา, แบคทีเรีย และไวรัส ที่มีขนาด 0.3 ไมครอน ได้ที่ 99.97% หมายถึงการกรอง 10,000 อนุภาคจะมีอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนหลุดออกมาน้อยกว่า 3 อนุภาคเท่านั้น ซึ่งอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนเป็นอนุภาคที่มีทิศทางในการลอยตัวในอากาศ มีอำนาจทะลุทะลวงสูง จึงเป็นอนุภาคที่จับยากที่สุด ส่วนอนุภาคเล็กหรือใหญ่กว่า 0.3 ไมครอน แผ่นกรองจะมีประสิทธิภาพเกือบ 100%

แผนภูมิแสดงขนาดของอนุภาคชนิดต่างๆ

          จากแผนภูมิจะเห็นว่าเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กที่สุดคือเชื้อไวรัส โดยมีขนาดอนุภาค 0.002 ไมครอน แต่เนื่องจากแผ่นกรองอากาศแบบละเอียด (HEPA Filter) ที่ใช้ในเครื่องฟอกอากาศสามารถกรองอนุภาค หรือเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กที่สุดได้เพียง 0.3 ไมครอน  ทำให้มีเชื้อโรคอีกจำนวนมากที่สามารถหลุดรอดจากการกรองด้วยแผ่นกรองอากาศ ดังนั้นจึงมีการนำแสงอุลตร้าไวโอเลตชนิด C (UV-C)  ซึ่งเป็นชนิดที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์มาใช้งานในเครื่องกรองอากาศ

1.             ประสิทธิภาพในการทำงาน

การวัดประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องฟอกอากาศวัดได้จากค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐาน หมายถึงอัตราการจ่ายปริมาณอากาศบริสุทธิ์ มีหน่วยเป็นลูกบาศก์ฟุตต่อนาที (CFM) หรือลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (CuM/Hr) ค่า CADR ที่สูงจะแสดงถึงประสิทธิภาพในการฟอกอากาศที่ดีกว่า ดังนั้นก่อนเลือกซื้อจึงควรนำค่า CADR ของเครื่องฟอกอากาศมาประกอบการพิจารณาด้วย

2.             ความสามารถในการครอบคลุมพื้นที่ใช้งาน

เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีความสามารถในการฟอกอากาศได้ครอบคลุมและเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน กล่าวคือเครื่องฟอกอากาศควรใช้งานกับพื้นที่ได้กว้างที่สุด และสามารถเลือกการทำงานให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งานขนาดต่างๆ ได้ เพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับความคุ้มค่าสูงสุด

3.             ความสิ้นเปลืองพลังงาน

เป็นส่วนสำคัญในการจะคิดค่าไฟฟ้า ถ้าจำนวนวัตต์สูงอัตราการกินไฟก็สูงขึ้นด้วย โดยสามารถคำนวณตามสมการดังต่อไปนี้

(จำนวนวัตต์/1,000) x ค่าไฟฟ้าต่อยูนิต x ชม.การทำงาน + ค่า FT = ค่าไฟฟ้าที่ใช้

4.             การใช้งานและบำรุงรักษา

เครื่องฟอกอากาศที่ควบคุมการทำงานด้วยไมโครโพรเซสเซอร์ และมีแผงควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งช่วยให้การสั่งงานทำได้โดยง่าย สามารถติดตามคุณภาพของอากาศที่หมุนเวียนในห้องและเลือกระดับการทำงานให้เหมาะสมอัตโนมัติ หรือตามที่ผู้ใช้งานต้องการ ที่สำคัญควรมีสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรอง เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน ส่วนในเรื่องการบำรุงรักษาเครื่องควรทำได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยาก และมีอะไหล่บริการตลอดอายุการใช้งาน นอกจากนี้เครื่องฟอกอากาศควรมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวกเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในหลายพื้นที่ตามต้องการได้

5.             การรับประกันและการบริการหลังการขาย

เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือเรื่องการรับประกันและการบริการหลังการขายที่ดี เช่น การแนะนำการใช้งานที่ถูกวิธีเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการมีอุปกรณ์และอะไหล่รองรับในกรณีที่เครื่องเกิดปัญหาตลอดอายุการใช้งาน

6.             การมีเอกสารรับรองการทดสอบด้านประสิทธิภาพ

สิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังจากเครื่องฟอกอากาศคือ การมีอากาศที่สะอาด บริสุทธิ์ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในด้านประสิทธิภาพการฟอกอากาศได้นั้น นั่นคือต้องมีการทดสอบด้านประสิทธิภาพตามคุณสมบัติที่กล่าวอ้างจากสถาบันที่มีชื่อเสียง มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

7.             ความสามารถอื่นๆ

7.1         ความสามารถในการกำจัดและทำลายสารเคมีและก๊าซพิษที่เป็นอันตราย

7.2         ความสามารถในการสร้างประจุลบในอากาศ ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไม่เครียด รวมทั้งมีผลดีต่อระบบเมตาบอลิซึม ระบบการไหลเวียนของเลือด และยังช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานได้ดี

จากข้อมูลข้างต้น คงทำให้ท่านมีแนวทางในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพการทำงานและความคุ้มค่า คุ้มราคา เพื่อประโยชน์ในการใช้งานสูงสุด ทางบริษัท ไอวีเอฟ ซัพพลายแอนด์คอนซัลแตนท์ จำกัด   ขอนำเสนอเครื่องฟอกอากาศที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ “Sun-Pure” ผลิตภัณฑ์ของ Ultra Sun Technologies ประเทศ สหรัฐอเมริกา ด้วยระบบการทำงานสมบูรณ์แบบมากที่สุด เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแก่ท่าน